การศึกษาค้นคว้าอิสระ (I22202)
การศึกษาโครงงานขมิ้นและน้ำผึ้งเพื่อผิวพรรณ
จัดทำโดย
1. ด.ญ.
พิมพ์ลภัส ศรีเจริญ ม.2/3 เลขที่
24
2. ด.ญ.
ลัดดาวรรณ เจริญหุ่น ม.2/3 เลขที่
25
3. ด.ญ.
สุธาวี ม้าไพบูลย์กิจ ม.2/3 เลขที่ 26 คุณครูที่ปรึกษา
คุณครู นงนุช
แก้วจงประสิทธิ์
คุณครู ภาวิณี โกสินทร
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาโรงเรียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล
วิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระ (I22202)
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556
โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ
คำนำ
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระ
(I22202) เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจจะศึกษา
เกี่ยวกับเรื่องขมิ้นและน้ำผึ้งเพื่อผิวพรรณ ซึ่งคณะผู้จัดทำได้จัดทำเพื่อครู
นักเรียน
และผู้ที่สนใจได้ใช้เป็นเอกสารอ่าน
เพิ่มเติมต่อไป
คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
รายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจเรื่องขมิ้นและน้ำผึ้งเพื่อผิวพรรณ ซึ่ง
ทำให้ทราบถึง
การใช้ขมิ้นกับน้ำผึ้งมาใช้ทาผิวแทนครีมทาผิว
ที่ได้วิเคราะห์ให้ผู้อ่านนำมาใช้ประโยชน์ได้ต่อไป หากมีข้อบกพร่องประการใด
ผู้จัดทำขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
บทคัดย่อ
วิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระ เรื่อง
การศึกษาโครงงานขมิ้นและน้ำผึ้งเพื่อผิวพรรณ
วิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระ (I22202) ปีการศึกษา 2556
คณะผู้จัดทำ
1. ด.ญ. พิมพ์ลภัส ศรีเจริญ ม.2/3 เลขที่
24
2. ด.ญ. ลัดดาวรรณ เจริญหุ่น ม.2/3 เลขที่
25
3. ด.ญ. สุธาวี ม้าไพบูลย์กิจ ม.2/3
เลขที่ 26
อาจารย์ที่ปรึกษา คุณครู
นงนุช แก้วจงประสิทธิ์
คุณครู ภาวิณี โกสินทร
สถานศึกษา
โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2
โครงงานวิทยาศาสตร์
เรื่อง การศึกษาโครงงานขมิ้นและน้ำผึ้งเพื่อผิวพรรณ จัดทำขึ้นเพื่อหาวิธีการรักษาผิวให้สวยงาม โดยไม่ต้องเสียเงินในการซื้อครีมทาผิว ซึ่งในการทดดลอง
กลุ่มของข้าพเจ้าเลือกทดลองกับสมุนไพรหาง่ายตามตลาด ได้แก่ ขมิ้นชัน
50 กรัม น้ำผึ้ง 20 มิลลิลิตร มะขามเปียก 1 กรัม
ดินสอพอง 3 กรัม มะนาว (คั้น)
20 มิลลิลิตร กลุ่มของข้าพเจ้าจึงทำมาสามสูตร ดังนี้ สูตรที่ 1 ขมิ้นชัน 50 กรัม น้ำผึ้ง 20
มิลลิลิตร สูตรที่ 2 ขมิ้นชัน 50 กรัม
มะนาว 20 มิลลิลิตร ดินสอพอง 3 กรัม
สูตรที่ 3 ขมิ้นชัน 50 กรัม มะขามเปียก 1 กรัม น้ำผึ้ง 20 มิลลิลิตร จากนั้นนำทั้งสามสูตรมาทาผิว และทิ้งไว้ประมาณ
15 นาที จากผลการทดลองพบว่า สูตรที่ 3 ใช้ได้ผลดีที่สุด รองลงมาเป็นสูตรที่ 1
ใช้ได้ผลระดับปานกลาง สูตรที่ใช้ได้ผลน้อยสุด คือ สูตรที่ 2 ใช้ได้ผลน้อยที่สุด
ดังนั้นผลการทดลองสมมุติฐานที่ว่า สูตร ขมิ้น 50 กรัม :
มะขามเปียก 1 กรัม
: น้ำผึ้ง 20 มิลลิลิตร ใช้ทาผิวได้ดีที่สุด
1.
บทที่ 1
บทนำ
1.ที่มาและความสำคัญ
คนไทยส่วนใหญ่นิยมใช้ครีมทาผิวมากกว่าการใช้สมุนไพร
เพราะครีมทาผิวนิยมกันทั่วประเทศไทย
โดยที่ส่วนน้อยก็นิยมใช้สมุนไพร
เช่น ขมิ้นและน้ำผึ้ง
และขมิ้นกับน้ำผึ้งชนิดใดมีผลดีมากกว่ากัน
และจะทำให้คนส่วนใหญ่นิยมสมุนไพรให้มากขึ้น
กลุ่มของข้าพเจ้าจึงทำการทดลองว่าระหว่างขมิ้นและน้ำผึ้งอะไรได้ผลดีมากกว่ากันและคนไทยจะได้หันมาใช้สมุนไพรแทนครีมทาผิวกันมากขึ้นด้วย
2.วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้าอิสระ
1.เพื่อการศึกษาการเอาสมุนไพรมาทาผิวได้
2.เพื่อการศึกษาสรรพคุณของสมุนไพร
3.สาเหตุและสมมุติฐาน
สาเหตุ
: ปริมาณของขมิ้นและน้ำผึ้ง
สมมุติฐาน :
การทำให้ผิวพรรณสวยงาม
ปัญหา :
การทำให้ผิวพรรณสวยงามขึ้นอยู่กับปริมาณของขมิ้นและน้ำผึ้งหรือไม่
4.ขอบเขตการศึกษาค้นคว้าอิสระ
1.ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
ตัวแปรต้น:ชนิดของสมุนไพร
ตัวแปรตาม:การทำให้ผิวดีขึ้น
ตัวแปรควบคุม:ปริมาณของสมุนไพรแต่ละชนิด
ระยะเวลาในการทาผิว และชนิดของสมุนไพร
5.วิธีดำเนินการ
1.เตรียมสมุนไพร
2.นำสมุนไพรต่างๆมาผสมให้เข้ากัน
3.นำสมุนไพรที่ผสมแล้ว
มาทาผิว
4.รอประมาณ 5-10
นาที แล้วบันทึกผล
6.ประโยชน์ที่ได้รับ
1.ได้ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรช่วยในการทาผิว
2.ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อครีมมาทาผิว
3.สามารถทำเองได้ด้วยวิธีง่ายๆ
7.สถานที่ดำเนินงาน
บ้านของ ด.ญ.สุธาวี ม้าไพบูลย์กิจ
บทที่ 2
เอกสารอ้างอิง
ขมิ้นชัน
ขมิ้น (อังกฤษ: Turmeric) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีสีเหลืองเข้ม
จนสีแสดจัด มีชื่อสามัญอื่นอีกคือ ขมิ้นแกง (เชียงใหม่) ขมิ้นชัน (กลาง,ใต้) ขมิ้นหยอก (เชียงใหม่) ขมิ้นหัว (เชียงใหม่) ขี้มิ้น (ตรัง,ใต้) ตายอ (กะเหรี่ยง กำแพงเพชร) สะยอ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) และ
หมิ้น (ตรัง,ใต้)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ขมิ้นเป็นไม้ล้มลุก
อายุหลายปี สูง 30-95 ซม.
เหง้าใต้ดินรูปไข่มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกด้านข้าง 2 ด้าน ตรงกันข้ามเนื้อในเหง้าสีเหลืองส้ม มีกลิ่นเฉพาะ ใบเดี่ยว แทงออกมาเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันรูปใบหอก
กว้าง 12-15 ซม. ยาว 30-40 ซม.
ดอกช่อแทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ รูปทรงกระบอก กลีบดอกสีเหลืองอ่อน
ใบประดับสีเขียวอ่อนหรือสีนวล บานครั้งละ 3-4 ดอก ผล
รูปกลมมี 3 พู
มะนาว
มะนาว (อังกฤษ: Lime) เป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง ผลมีรสเปรี้ยวจัด
จัดอยู่ในสกุลส้ม (Citrus) ผลสีเขียว
เมื่อสุกจัดจะเป็นสีเหลือง เปลือกบาง ภายในมีเนื้อแบ่งกลีบๆ ชุ่มน้ำมาก
นับเป็นผลไม้ที่มีคุณค่า นิยมใช้เป็นเครื่องปรุงรส
นอกจากนี้ยังถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการและทางการแพทย์ด้วย
ลักษณะทั่วไป
ผลมะนาวโดยทั่วไปมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 – 4.5 ซม. ต้นมะนาวเป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงเต็มที่ราว 5 เมตร ก้านมีหนามเล็กน้อย มักมีขนดก ใบยาวเรียวเล็กน้อย คล้ายใบส้ม
ส่วนดอกสีขาวอมเหลือง ปกติจะมีดอกผลตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าหนาว จะออกผลน้อย
และมีน้ำน้อย
มะขาม
มะขาม เป็นไม้เขตร้อน
มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกาแถบประเทศซูดาน
ต่อมามีการนำเข้ามาในประเทศแถบเขตร้อนของเอเชีย และประเทศแถบละตินอเมริกา
และในปัจจุบันมีมากในเม็กซิโก
ชื่อมะขามในภาคต่างๆ เรียก มะขามไทย ภาคกลาง ขาม ภาคใต้ ตะลูบ โคราช
ม่วงโคล้ง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) อำเปียล เขมร จังหวัดสุรินทร์
ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า tamarind ซึ่งมาจากภาษาอาหรับ:تمر هندي (tamr hindī) แปลว่า Indian date
ลักษณะเฉพาะ
มะขามเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตกกิ่งก้านสาขามากไม่มีหนาม
เปลือกต้นขรุขระและหนา สีน้ำตาลอ่อน ใบ เป็นใบประกอบ
ใบเล็กออกตามกิ่งก้านใบเป็นคู่ ใบย่อยเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ
ด้วยใบย่อย 10–15 คู่
แต่ละใบย่อยมีขนาดเล็ก กว้าง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกันเป็นช่อยาว 2–16 ซม. ดอก
ออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ม่วงแดงอยู่กลางดอก
ผล เป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโค้ง ยาว 3-20 ซม.
ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้ำตาลเกรียม เนื้อในติดกับเปลือก
เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย สีน้ำตาล
เนื้อในกลายเป็นสีน้ำตาลหุ้มเมล็ด เนื้อมีรสเปรี้ยว และ/หรือหวาน ซึ่งฝักหนึ่ง ๆ
จะมี/หุ้มเมล็ด 3–12 เมล็ด
เมล็ดแก่จะแบนเป็นมัน และมีสีน้ำตาล
ใบของมะขามเป็นใบประกอบแบบขนนก (pinnately
compound leaves) ใบย่อยแต่ละใบแยกออกจากก้าน 2 ข้างของแกนกลาง
คล้ายขนนก ถ้าปลายสุดของใบจะเป็นใบย่อยเพียงใบเดียวเรียก แบบขนนกคี่ (odd pinnate) เช่น กุหลาบ อัญชัน ก้ามปู ถ้าสุดปลายใบมี 2 ใบ เรียกแบบขนนกคู่ (even pinnate) เช่น มะขาม
ดินสอพอง
ดินสอพอง หรือ มาร์ล
หรือ มาร์ลสโตน มีองค์ประกอบทางเคมีเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต
หรือโคลนหรือหินโคลนที่อุดมไปด้วยเนื้อปูนที่มีองค์ประกอบที่แปรผันของแร่เคลย์และอาราโกไนต์
มาร์ลเป็นคำโบราณที่ถูกนำมาใช้เรียกวัตถุที่หลากหลายโดยส่วนใหญ่เป็นวัตถุเนื้อหลวมๆของดินที่มีองค์ประกอบหลักของเนื้อผสมระหว่างดินเคลย์และแคลเซี่ยมคาร์บอเนตเกิดขึ้นภายใต้สภาพแวดแวดล้อมที่เป็นน้ำจืดเป็นวัตถุ
เนื้อดินประกอบด้วยแร่เคลย์ร้อยละ 65
และคาร์บอเนตร้อยละ 65-35 [1] คำเรียกที่ใช้ในปัจจุบันหมายถึงตะกอนที่ตกสะสมตัวในทะเลและในทะเลสาบที่แข็งตัวซึ่งเพื่อให้ถูกต้องแล้วต้องเรียกว่ามาร์ลสโตน
มาร์ลสโตนเป็นหินที่แข็งตัวมีองค์ประกอบเดียวกันกับมาร์ลที่อาจเรียกว่าหินปูนเนื้อดิน
มาร์ลมีการแตกแบบกึ่งก้นหอยและมีแนวแตกถี่ได้น้อยกว่าหินดินดาน คำว่า “มาร์ล” เป็นศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกกันอย่างกว้างขวางในทางธรณีวิทยา
ขณะที่คำว่า “เมอร์เจิล” และ “ซีเกรด” (ภาษาเยอรมันเรียกว่า “ซีชอล์ค”) ถูกใช้เรียกกันในยุโรป
ทางด้านล่างของชั้นชอล์คไวต์คลิฟออฟโดเวอร์ประกอบไปด้วยชั้นมาร์ลเนื้อกลอโคไนต์ตามด้วยการแทรกสลับของชั้นหินปูนและชั้นมาร์ล
การลำดับชั้นหินยุคครีเทเชียสตอนบนในเยอรมนีเปรียบเทียบได้กับแรงขับอันเกิดจากความแปรผันเป็นวัฏจักรของวงโคจรโลกแบบมิลานโกวิตช์
(Milankovitch orbital forcing)
มาร์ลเกิดในทะเลสาบพบได้ทั่วไปในตะกอบทะเลสาบปลายยุคน้ำแข็งโดยปรกติแล้วจะพบวางตัวอยู่ใต้ชั้นพีต
มาร์ลมีประโยชน์เป็นตัวปรับสภาพดินและเป็นตัวการปรับสภาพดินที่เป็นกรดให้มีสภาพเป็นกลาง
มีลักษณะอ่อน ร่วนซุย
และเป็นวัตถุเนื้อดินที่มีองค์ประกอบที่แปรผันของแคลเซี่ยมคาร์บอเนต เคลย์
และตะกอนขนาดทรายแป้งและพบเป็นปฐมภูมิภายใต้สภาพแวดล้อมแบบน้ำจืด (Hubbard and Herman, 1990)
น้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง
เป็นอาหารหวานที่ผึ้งผลิตโดยใช้น้ำต้อยจากดอกไม้ น้ำผึ้งมักหมายถึงชนิดที่ผลิตโดยผึ้งน้ำหวานในสายพันธุ์[Apis]] เนื่องจาก เป็นผึงเก็บน้ำหวานให้คุณภาพสูง
และสามารถเลี้ยงระบบกล่องได้ น้ำผึ้งมีประวัติการบริโภคของมนุษย์มายาวนาน
และถูกใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด
น้ำผึ้งยังมีบทบาทในศาสนาและสัญลักษณ์นิยม
รสชาติของน้ำผึ้งแตกต่างกันตามน้ำต้อยที่มา
และมีน้ำผึ้งหลายชนิดและเกรดที่สามารถหาได้ นอกจากนี้
ยังมีภูมิปัญญาที่ใช้น้ำผึ้งในการรักษาอาการเจ็บป่วย
บทที่ 3
การทดลอง
วัสดุ – อุปกรณ์
-
ขมิ้นชัน (สด) 50 กรัม
-
น้ำผึ้ง 20 มิลลิลิตร
-
มะขามเปียก 1 กรัม
-
ดินสอพอง 1 กรัม
-
มะนาว (คั้น) 20 มิลลิลิตร
การทดลอง
( สูตรที่ 1 ) สูตร ขมิ้น 50 กรัม : น้ำผึ้ง 20 มิลลิลิตร
1.ใช้เหง้าของขมิ้นสดหั่นบางๆ
แล้วตากแห้ง
2.นำขมิ้นมาบดให้เป็นผง
3.นำขมิ้นชันที่บดเป็นผงแล้ว
ตักมา 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 20 มิลลิลิตร
4.นำมาผสมให้เข้ากัน
5.นำขมิ้นและน้ำผึ้งที่ผสมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว
มาทาตัวก่อนอาบน้ำ
6.ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
7.สำรวจผลการทดลองแล้วบันทึกผล
( สูตรที่ 2 ) สูตร ขมิ้น 50 กรัม : มะนาว 20 มิลลิลิตร :
ดินสอพอง 1 กรัม
1.นำขมิ้นชัน
(สด) มาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
2.นำขมิ้นชัน
(สด) ที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วปั่นรวมกับดินสอพอง 1 กรัม
3.นำมะนาวมาคั้นให้ได้ 20 มิลลิลิตร แล้วจึงนำมาปั่น รวมกับดินสอพอง
และขมิ้นชัน (สด) อีกครั้ง
4.เมื่อปั่นจนละเอียดเป็นครีมเข้ากันแล้ว
ให้นำมาพอกตัว
5.ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
6.สำรวจผลการทดลองแล้วบันทึกผล
( สูตรที่ 3 ) สูตร ขมิ้น 50 กรัม : มะขามเปียก
1 กรัม :
น้ำผึ้ง 20 มิลลิลิตร
1.นำมะขามเปียก 1 กรัม
ผสมกับขมิ้นชันที่บดไว้แล้ว 1 ช้อนโต๊ะ
2.เมื่อมะขามเปียกและขมิ้นชันบดเข้ากันแล้วให้เติม
น้ำผึ้ง 20 มิลลิลิตร ผสมเข้าไปด้วย
3.จากนั้นนำมะขามเปียกที่ผสมกับขมิ้นและน้ำผึ้งเรียบร้อยแล้วมาทาตัวให้ทั่ว
4.ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
5.สำรวจผลการทดลองแล้วบันทึกผล
บทที่ 4
ผลการทดลอง
สูตร
|
บันทึกผล
|
หมายเหตุ
|
สูตรที่ 1
|
ขมิ้น 50 กรัม
: น้ำผึ้ง 20 มิลลิลิตร
สูตรชนิดนี้ทำให้ผิวเป็นแบบ ขาว เนียนนุ่ม
|
|
สูตรที่ 2
|
ขมิ้น 50
กรัม :
มะนาว 20 มิลลิลิตร : ดินสอพอง
1 กรัม
สูตรชนิดนี้ทำให้ผิวดูขาว ดูกระจ่างใสและเนียนนุ่ม
|
ถ้าคนที่แพ้ดินสอพอง
ใช้ดินสอพองมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการแพ้ ผิวเป็นผื่น คัน
ให้งดใช้ดินสอพองและใช้มะนาวแทน
|
สูตรที่ 3
|
ขมิ้น 50
กรัม :
มะขามเปียก 1 กรัม : น้ำผึ้ง 20
มิลลิลิตรสูตรชนิดนี้ทำให้ผิวที่เคยหยาบกระด้างดูเนียนนุ่มขึ้น
|
ถ้าใช้มะขามเปียกมากเกินไป จะทำให้ผิวเกิดการแสบและคันเป็นผื่นแดง
|
บทที่ 5
สรุปผลและอภิปราย
ผลการทดลองสรุปได้ดังนี้
สูตรที่ 1 ขมิ้น :
น้ำผึ้ง ใช้ได้ผลดีระดับปานกลาง
เพราะ เมื่อทาผิว ทำให้ผิวขาว เนียนนุ่ม
สูตรที่ 2 ขมิ้น : มะนาว :
ดินสอพอง ใช้ได้ผลดีน้อยสุด เพราะ ถ้าคนที่แพ้ดินสอพองใช้ จะทำให้ คัน
เป็นผื่น และได้ผลน้อย
สูตรที่ 3 ขมิ้น : มะขามเปียก
: น้ำผึ้ง ใช้ได้ผลดีที่สุด เพราะ
ทำให้ผิวที่หยาบกระด้างดูเนียนนุ่มขึ้น
ดังนั้น สูตรที่ 3 ขมิ้น :
มะขามเปียก : น้ำผึ้ง
เป็นสูตรที่ใช้ได้ผลดีที่สุด
ข้อเสนอแนะ
1.คนที่แพ้ดินสอพอง ถ้าใช้ดินสอพองมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการแพ้
ผิวเป็นผื่น คัน ให้งดใช้ดินสอพองและใช้มะนาวแทน
2.ถ้าใช้มะขามเปียกมากเกินไป จะทำให้ผิวเกิดการแสบและคันเป็นผื่นแดง
3.ดินสอพองมีสารเคมีผสมอยู่ ควรใช้อย่างระมัดระวัง
4.ไม่ควรใส่มะนาวมากเกิน เพราะ มะนาวเป็นสถานะเป็นกรด
อาจทำให้คันและอักเสบได้
ขมิ้น
มะนาว
น้ำผึ้ง
มะขามเปียก

ขมิ้น : น้ำผึ้ง
มะนาว : ดินสอพอง
ขมิ้น : มะขามเปียก : น้ำผึ้ง






Best ways to get from Vodafone Casino (2021) - JamBase
ตอบลบVodafone Casino's 김천 출장샵 2021 bonus 순천 출장마사지 code gives you 안산 출장마사지 one of 안성 출장샵 two types of cash-out options: Instant withdrawals, instant deposits, and 남양주 출장마사지 Bitcoin withdrawals.